คนทั่วไปมักรู้จักเนเธอร์แลนด์เพียงแค่รองเท้าไม้ และเบียร์ไฮเนเกน แต่ยังมีความจริงอีกหลายอย่างที่ผู้คนไม่รู้ เช่น มีอัตราการท้องในวัยรุ่นต่ำที่สุด อัตราการทำแท้งต่ำที่สุด อายุเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกสูงกว่าสังคมอื่นๆ และยังมีประวัติการสอนเพศศึกษาแก่เด็กๆ มายาวนาน
ในการสัมมนาประจำปีของสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งไอร์แลนด์เรื่อง การกำหนดนโยบายโดยภาคเยาวชน ซึ่งเป็นเวทีที่เชิญกลุ่มเยาวชนทั่วประเทศไอร์แลนด์มาแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับเรื่องเพศและวัยรุ่นนั้น ผู้จัดได้เชิญนางดอร์เชอร์ ที่ปรึกษาเยาวชนของสมาพันธ์วางแผนครอบครัวนานาชาติในเนเธอร์แลนด์มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วย ซึ่งดอร์เชอร์ระบุว่า “ชาวดัชต์หรือคนเนเธอร์แลนด์ค่อนข้างยอมรับความจริงและเป็นพวกชอบแก้ปัญหา เช่น เราอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เราก็สร้างเขื่อนรอบประเทศ ถ้าเราเป็นคนที่เผชิญความจริงและนิยมการแก้ปัญหา เราจะยอมรับได้ว่าวัยรุ่นนั้นมีเพศสัมพันธ์ คนเนเธอร์แลนด์ไม่กังวลว่าเด็กๆ จะมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ แต่จะสนใจว่าพวกเขามีเพศสัมพันธ์เมื่อไร สมัครใจหรือไม่ มีความสุขหรือปลอดภัยหรือไม่ต่างหาก”
ส่วนในไอร์แลนด์นั้น ผู้บริหารของสมาคมวางแผนครอบครัวไอร์แลนด์ระบุว่า ส่วนใหญ่การสื่อสารสาธารณะในประเด็นเรื่องเพศของวัยรุ่มักเป็นไปในลักษณะที่ช็อคความรู้สึกของคน เช่น เสนอเรื่องการตั้งท้องในวัยรุ่น ทั้งๆ ที่ประเด็นเหล่านี้ควรมีการอภิปรายในสังคมอย่างกว้างขวาง และไม่ตระหนกหรือเร้าอารมณ์เกินไป ในไอร์แลนด์ ปี 2548 อัตราการคลอดในวัยรุ่นคือ 2,427 ราย ในจำนวนนั้น 1,800 รายเป็นการคลอดของวัยรุ่นอายุ 18-19 ปี และ 28% ของผู้หญิงที่ตั้งท้องระบุว่าเป็นการท้องในภาวะวิกฤต ซึ่ง 25% ของการท้องนั้นจบลงด้วยการทำแท้ง ส่วนปัญหาการติดเชื้อระบบสืบพันธุ์นั้น พบว่ามีวัยรุ่นติดเชื้อ 11% ส่วนคนอายุ 20-29 ปี มีอัตราการติดเชื้อ 63% แสดงว่าแม้ช่วงชีวิตวัยรุ่นจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่ไม่ได้มีความรู้ติดตัวไปเพื่อสร้างความปลอดภัยให้ตัวเองในช่วงระยะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ซึ่งจะมีกิจกรรมทางเพศเข้ามายุ่งเกี่ยวมากขึ้น สถิติเหล่านี้บ่งบอกชัดเจนว่าการที่เยาวชนไม่ได้เรียนรู้เรื่องเพศอย่างทันเวลา จะส่งผลร้ายแรงในภายหลัง
ส่วนเรื่องของเพศศึกษา พบว่า คนอายุ 25 ปี ไม่ถึงครึ่งที่ได้รับความรู้เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ส่วนคนอายุ 40-44 ปี 12.5% บอกว่าไม่ได้ถูกสอนเรื่อง เพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยเลย และคนกลุ่มนี้ในปัจจุบันคือพ่อแม่ของเด็กอายุ 15-18 ปี สมาคมวางแผนครอบครัวไอร์แลนด์จึงได้ทำโครงการ “เรื่องเพศพูดได้ ไม่ต้องตระหนก” ขึ้น เพื่อช่วยพ่อแม่ ที่ไม่เคยได้รับการสอนเพศศึกษาซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ให้เรียนรู้ที่จะคุยเรื่องเพศกับลูก แต่ยังคงเป็นเพียงโครงการนำร่องในไม่กี่พื้นที่ เพราะขาดงบประมาณ ผู้บริหารของสมาคมวางแผนครอบครัวไอร์แลนด์ระบุว่า ไอร์แลนด์ขาดยุทธศาสตร์สุขภาพทางเพศระดับชาติที่จะขับเคลื่อน ประสาน และสนับสนุนงบประมาณโครงการลักษณะนี้ ในทุกภาคส่วน ทั้งในโรงเรียน ชุมชน และระบบบริการสุขภาพ
แม้ว่าโรงเรียนมัธยมทุกโรงเรียนในไอร์แลนด์จะต้องสอนเรื่องความสัมพันธ์และชีวิตทางเพศ แต่การสอนเพศศึกษาในโรงเรียนเป็นไปโดยไม่มีระบบ ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียนว่าจะสอนอะไรบ้างและสอนอย่างไร ดอร์เชอร์ได้แลกเปลี่ยนในงานสัมมนาว่า ไอร์แลนด์ไม่ใช่ประเทศเดียวที่ตื่นตระหนกกับเพศศึกษา ซึ่งความตระหนกนี้ไม่ได้อยู่บนฐานของข้อมูลเลย เพราะการสอนให้เด็ก 4 ขวบ รู้จักอวัยวะแต่ละส่วนของร่างกาย หรือการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ไม่ใช่การสอนให้เด็กมีเพศสัมพันธ์ ในเนเธอร์แลนด์ ไม่มีหลักสูตรบังคับว่าต้องสอนเพศศึกษาอย่างไร ดังนั้น โรงเรียนต่างๆ สามารถปรับการสอนให้ตรงกับความต้องการของนักเรียนได้ แต่ในบางประเทศเสรีภาพนั้นถูกใช้เพื่อหลบเลี่ยงการสอนเพศศึกษา ไม่เชื่อว่าการสอนเพศศึกษาตั้งแต่เด็กจะเป็นการท้าทายศีลธรรมและศาสนา เพราะเพศศึกษาคือการเรียนรู้ที่จะปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพและมีศักดิ์ศรี ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกับที่ศาสนาสอนเรา
การขาดการเตรียมพร้อมคือบทเรียนของไอร์แลนด์ สมาคมวางแผนครอบครัวพบว่าวัยรุ่นมักจะมารับบริการวางแผนครอบครัวเมื่ออายุ 17 ปี แต่ส่วนใหญ่วัยรุ่นเหล่านี้มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอายุ 16 ปี ดังนั้น วัยรุ่นจึงมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้รับคำแนะนำอะไรเลยถึง 1 ปีเต็มๆ นอกจากนั้น ภาษาที่ใช้ในการสอนเพศศึกษาแบบดั้งเดิม ยังไม่ดึงดูดใจวัยรุ่นอีกด้วย เพราะพูดถึงแต่เรื่องความรับผิดชอบ ศีลธรรม อนามัย และสุขภาพ ขณะที่ภาคธุรกิจสื่อสารในมิติของความสุข สนุก และการเติมเต็ม ดังนั้น ต้องหันมาพูดเรื่องเพศด้วยมุมมองเชิงบวก ไม่เช่นนั้นวัยรุ่นก็จะหันไปพึ่งสื่อภาคธุรกิจกันหมด
แปลสรุปและเรียบเรียงจากรายงานข่าวประจำวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 ของสมาพันธ์วางแผนครอบครัวนานาชาติ (http://www.ippf.org/en/News)
You must log in to post a comment.